แม่...หากเอ่ยถึงคำนี้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก และไม่เข้าใจความหมาย...
แม่...เป็นคำที่ลูกเกือบทุกคนพูดได้เป็นคำแรก...
แม่...เป็นคนแรกที่ทำให้รู้ถึงความรักความห่วงใย ที่คนๆหนึ่งจะมีให้คนอีกคนหนึ่ง...
แม่...เพียงคำพูดอาจจะดูธรรมดา คำสั้นๆคำหนึ่ง ที่แสดงถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่...เพราะคำนี้แสดงถึงคุณค่าของชีวิต เป็นผู้สร้างชีวิตหนึ่งหรือหลายๆชีวิตขึ้นมา บนโลก
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือมาจากไหน คุณปฏิเสธ ไม่ได้ว่า คุณไม่มีแม่...ผู้หญิงคนหนึ่งที่ให้กำเนิดคุณมา ให้ชีวิตและลมหายใจของคุณบนโลกกลมๆใบนี้ ความรักที่แม่มีให้กับลูกนั้นมันช่างยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะบรรยายเป็นคำพูดได้
ชีวิตเก้าเดือนแรกของข้าพเจ้า ถูกห่อหุ้มด้วยความรักและความห่วงใย อยู่ในท้องของแม่ ในขณะที่ข้าพเจ้าตัวเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ ก็แสดงให้เป็นว่าความเจ็บปวด เหนื่อยและทรมานของแม่นั้นก็มีมากขึ้นตาม แต่แม่ก็ยังคอยเฝ้าประคบประหงมให้ตัวข้าพเจ้าใหญ่ขึ้น เพราะกลัวจะไม่แข็งแรง ทั้งๆที่แม่เองนั้นต้องทำงานหนัก นอนดึกตื่นเช้า และเลี้ยงดูพี่ชายอีกสองคน ซึ่งบ้านของข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีทรัพย์สินอะไรมากมาย แต่ตั้งแต่ข้าพเจ้าเกิดมา ก็ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดมาตลอด ถึงแม้ว่าหากคนอื่นมอง มันอาจจะเป็นสิ่งที่ธรรมดา แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่แม่คนหนึ่งพยายามจะหามาให้ลูกได้
น้ำนมจากแม่...สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับทารก กลั่นออกมาจากเลือด...เมื่อตอนเด็กๆ ข้าพเจ้าเป็นเด็กงอแง ร้องไห้ เรื่องมาก ไม่ยอมดื่มนมกระป๋อง ยอมดื่มเพียงแค่น้ำนมจากแม่ ทำให้แม่ของข้าพเจ้าต้องให้นมเกินกว่าที่ปกติแล้วผู้หญิงคนหนึ่งจะให้นมลูก ข้าพเจ้าดื่มน้ำนมแม่จนข้าพเจ้าจำความได้ จนถึงตอนนี้กระดูกของแม่ข้าพเจ้านั้นผุ ซึ่งมันก็เร็วกว่าวัยที่ควรจะเป็น แม่เป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมต้องได้รับการผ่าตัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสิ่งที่แม่สูญเสียไปเหล่านั้นมันกลายมาเป็นตัวของข้าพเจ้าในทุกวันนี้ ยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้ลูกแข็งแรง แต่แม่ก็ยังไม่เคยพูดหรือโทษข้าพเจ้าเลย ถึงในตอนนี้แม่ก็ยังต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง
เมื่อตอนข้าพเจ้าเล็กๆ ข้าพเจ้าจะชอบไปรับพี่ชายที่โรงเรียนกับแม่ เพราะว่าที่หน้าโรงเรียนของพี่ชายนั้น จะมีร้านขายขนมมากมาย จึงอยากไปเพียงแค่คิดว่า อยากกินขนม แม่จึงต้องอุ้มข้าพเจ้าเดินไปรับพี่ชาย หากลองนึกถึงภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องทั้งอุ้มทั้งจูง ลูกสองคนเดินข้ามถนนกลับบ้านทั้งหนักทั้งเหนื่อยและร้อนแต่แม่ก็ยังคงทำเหมือนมันเป็นเรื่องสบาย เมื่อถึงเวลาที่ข้าพเจ้าเข้าเรียน แม่ก็ไม่ยอมปล่อยให้ข้าพเจ้านั่งรถโรงเรียน หรือไปเรียนเอง ถึงแม้ว่างานของแม่จะยุ่งแค่ไหน แม่ก็ยังคงต้องตื่นมาทำอาหารเช้าให้กินก่อนไปโรงเรียนเสมอ และพาไปส่งที่โรงเรียน วันแรกที่ไปโรงเรียนแม่ของข้าพเจ้า นั่งเฝ้าข้าพเจ้าหน้าห้องเรียนทั้งวัน กลัวว่าถ้าหากข้าพเจ้าร้องไห้อยากกลับบ้าน แล้วไม่เจอแม่ข้าพเจ้าจะรู้สึกไม่ดี เมื่อใดก็ตามที่ข้าพเจ้าเดินออกจากห้องเรียน หากมองไปที่บันได จะมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่และยิ้มให้ทุกครั้ง อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่กลัวการไปโรงเรียนก็เป็นได้ แม่เคยกลัวว่าข้าพเจ้าเลิกเรียนแล้วไม่เจอใครจะร้องไห้ แม่จึงต้องมานั่งเฝ้าก่อนเวลาเลิกเรียนสองชั่วโมงทุกครั้ง เมื่อเลิกเรียนเดินลงมาจากชั้นเรียนก็จะเห็นมองที่นั่งคอยอยู่ทันที จนถึงทุกวันนี้ที่ข้าพเจ้าเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ความห่วงใยที่แม่มีต่อข้าพเจ้าตั้งแต่เกิดนั้น ยังเหมือนเดิม แม่จะต้องคอยถามคอยห่วงใย แม้ว่าข้าพเจ้าจะกลับดึกไหนแม่ก็ยังคงนอนรออยู่ที่โซฟา เพื่อเปิดประตูรับข้าพเจ้า และถามว่า กินข้าวมาแล้วหรือยัง ในทุกครั้ง ถ้ายังไม่ได้กินมาแม่ก็จะรีบหาข้าวให้กินทันที
สมัยตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ในช่วงประถมพ่อกับแม่ต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง แต่ท่านก็ต้องหาเงินมาเซ๊งบ้านให้ข้าพเจ้าเรียนกับพี่ชายที่ยังไม่จบ เพื่อให้ข้าพเจ้าไม่ต้องเดินทางไกลๆมายังโรงเรียน ทั้งๆที่เงินของท่านนั้นแทบจะเรียกได้ว่าหมดกระเป๋า ซึ่งแม่จะต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง ทำให้ช่วงนั้นข้าพเจ้าต้องแยกกันอยู่กับแม่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาสั้นๆ ครั้งละไม่กี่วัน แต่เมื่อนานๆเข้า ข้าพเจ้าจึงคิดว่า ทำไมเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เหมือนกับคนอื่น จึงต้องแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ แต่ก็เข้าใจว่าท่านเองนั้นก็ไม่ได้อยากแยกจากลูก และที่ทำไปนั้นก็เพราะว่าจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงดูเรา ต้องทำงานหนัก เดินทางไกลๆไปมา ระหว่างบ้านกับที่ทำงาน แต่ท่านก็ไม่เคยปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องไปโรงเรียนหรือกลับจากโรงเรียนเอง ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ท่านก็ต้องปรากฎตัวมารับข้าพเจ้ากลับบ้านก่อนเสมอ
ข้าพเจ้าเคยทำให้แม่เสียใจด้วยการเถียงแม่ ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่แม่พูดนั้นเป็นความปรารถนาดีต่อเราทั้งสิ้น แต่ท่านก็พร้อมที่จะให้อภัยเราเสมอ สิ่งที่แม่ทำให้แก่ข้าพเจ้านั้น ท่านทำให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน และทำอย่างมีความสุขถึงแม้ว่างานที่ทำมันจะทั้งหนักและก็น่าเบื่อก็ตาม ข้าพเจ้ากับแม่สนิทกันมาก เวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจแม่จะจะสังเกตุเห็นได้ทุกครั้ง และเมื่อปรึกษาแม่ก็จะให้คำตอบที่ดีได้เสมอ และไม่เคยซ้ำเติมลูก
ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่แม่มีให้นั้น มันคงไม่สามารถที่จะเล่าออกมาในกระดาษเพียงแผ่นเดียว แต่สำหรับข้าพเจ้านั้น มันยิ่งใหญ่มาก เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมากว่า 20 ปี ที่แม่พยายามทำสิ่งต่างๆให้แก่ลูก แล้วขณะนี้ร่างกายของแม่ก็เริ่มถดถอยลงเรื่อยๆ ข้าพเจ้าอยากให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง อยากให้แม่มีความสุข และดูแลแม่ให้ได้เหมือนที่แม่เคยทำให้มา ต่อจากนี้ไปจะไม่ทำให้แม่เหนื่อยอีกแล้ว อยากบอกว่ารักแม่ทุกเวลา
แม่...เป็นคำที่ลูกเกือบทุกคนพูดได้เป็นคำแรก...
แม่...เป็นคนแรกที่ทำให้รู้ถึงความรักความห่วงใย ที่คนๆหนึ่งจะมีให้คนอีกคนหนึ่ง...
แม่...เพียงคำพูดอาจจะดูธรรมดา คำสั้นๆคำหนึ่ง ที่แสดงถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่...เพราะคำนี้แสดงถึงคุณค่าของชีวิต เป็นผู้สร้างชีวิตหนึ่งหรือหลายๆชีวิตขึ้นมา บนโลก
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือมาจากไหน คุณปฏิเสธ ไม่ได้ว่า คุณไม่มีแม่...ผู้หญิงคนหนึ่งที่ให้กำเนิดคุณมา ให้ชีวิตและลมหายใจของคุณบนโลกกลมๆใบนี้ ความรักที่แม่มีให้กับลูกนั้นมันช่างยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะบรรยายเป็นคำพูดได้
ชีวิตเก้าเดือนแรกของข้าพเจ้า ถูกห่อหุ้มด้วยความรักและความห่วงใย อยู่ในท้องของแม่ ในขณะที่ข้าพเจ้าตัวเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ ก็แสดงให้เป็นว่าความเจ็บปวด เหนื่อยและทรมานของแม่นั้นก็มีมากขึ้นตาม แต่แม่ก็ยังคอยเฝ้าประคบประหงมให้ตัวข้าพเจ้าใหญ่ขึ้น เพราะกลัวจะไม่แข็งแรง ทั้งๆที่แม่เองนั้นต้องทำงานหนัก นอนดึกตื่นเช้า และเลี้ยงดูพี่ชายอีกสองคน ซึ่งบ้านของข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีทรัพย์สินอะไรมากมาย แต่ตั้งแต่ข้าพเจ้าเกิดมา ก็ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดมาตลอด ถึงแม้ว่าหากคนอื่นมอง มันอาจจะเป็นสิ่งที่ธรรมดา แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่แม่คนหนึ่งพยายามจะหามาให้ลูกได้
น้ำนมจากแม่...สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับทารก กลั่นออกมาจากเลือด...เมื่อตอนเด็กๆ ข้าพเจ้าเป็นเด็กงอแง ร้องไห้ เรื่องมาก ไม่ยอมดื่มนมกระป๋อง ยอมดื่มเพียงแค่น้ำนมจากแม่ ทำให้แม่ของข้าพเจ้าต้องให้นมเกินกว่าที่ปกติแล้วผู้หญิงคนหนึ่งจะให้นมลูก ข้าพเจ้าดื่มน้ำนมแม่จนข้าพเจ้าจำความได้ จนถึงตอนนี้กระดูกของแม่ข้าพเจ้านั้นผุ ซึ่งมันก็เร็วกว่าวัยที่ควรจะเป็น แม่เป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมต้องได้รับการผ่าตัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสิ่งที่แม่สูญเสียไปเหล่านั้นมันกลายมาเป็นตัวของข้าพเจ้าในทุกวันนี้ ยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้ลูกแข็งแรง แต่แม่ก็ยังไม่เคยพูดหรือโทษข้าพเจ้าเลย ถึงในตอนนี้แม่ก็ยังต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง
เมื่อตอนข้าพเจ้าเล็กๆ ข้าพเจ้าจะชอบไปรับพี่ชายที่โรงเรียนกับแม่ เพราะว่าที่หน้าโรงเรียนของพี่ชายนั้น จะมีร้านขายขนมมากมาย จึงอยากไปเพียงแค่คิดว่า อยากกินขนม แม่จึงต้องอุ้มข้าพเจ้าเดินไปรับพี่ชาย หากลองนึกถึงภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องทั้งอุ้มทั้งจูง ลูกสองคนเดินข้ามถนนกลับบ้านทั้งหนักทั้งเหนื่อยและร้อนแต่แม่ก็ยังคงทำเหมือนมันเป็นเรื่องสบาย เมื่อถึงเวลาที่ข้าพเจ้าเข้าเรียน แม่ก็ไม่ยอมปล่อยให้ข้าพเจ้านั่งรถโรงเรียน หรือไปเรียนเอง ถึงแม้ว่างานของแม่จะยุ่งแค่ไหน แม่ก็ยังคงต้องตื่นมาทำอาหารเช้าให้กินก่อนไปโรงเรียนเสมอ และพาไปส่งที่โรงเรียน วันแรกที่ไปโรงเรียนแม่ของข้าพเจ้า นั่งเฝ้าข้าพเจ้าหน้าห้องเรียนทั้งวัน กลัวว่าถ้าหากข้าพเจ้าร้องไห้อยากกลับบ้าน แล้วไม่เจอแม่ข้าพเจ้าจะรู้สึกไม่ดี เมื่อใดก็ตามที่ข้าพเจ้าเดินออกจากห้องเรียน หากมองไปที่บันได จะมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่และยิ้มให้ทุกครั้ง อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่กลัวการไปโรงเรียนก็เป็นได้ แม่เคยกลัวว่าข้าพเจ้าเลิกเรียนแล้วไม่เจอใครจะร้องไห้ แม่จึงต้องมานั่งเฝ้าก่อนเวลาเลิกเรียนสองชั่วโมงทุกครั้ง เมื่อเลิกเรียนเดินลงมาจากชั้นเรียนก็จะเห็นมองที่นั่งคอยอยู่ทันที จนถึงทุกวันนี้ที่ข้าพเจ้าเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ความห่วงใยที่แม่มีต่อข้าพเจ้าตั้งแต่เกิดนั้น ยังเหมือนเดิม แม่จะต้องคอยถามคอยห่วงใย แม้ว่าข้าพเจ้าจะกลับดึกไหนแม่ก็ยังคงนอนรออยู่ที่โซฟา เพื่อเปิดประตูรับข้าพเจ้า และถามว่า กินข้าวมาแล้วหรือยัง ในทุกครั้ง ถ้ายังไม่ได้กินมาแม่ก็จะรีบหาข้าวให้กินทันที
สมัยตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ในช่วงประถมพ่อกับแม่ต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง แต่ท่านก็ต้องหาเงินมาเซ๊งบ้านให้ข้าพเจ้าเรียนกับพี่ชายที่ยังไม่จบ เพื่อให้ข้าพเจ้าไม่ต้องเดินทางไกลๆมายังโรงเรียน ทั้งๆที่เงินของท่านนั้นแทบจะเรียกได้ว่าหมดกระเป๋า ซึ่งแม่จะต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง ทำให้ช่วงนั้นข้าพเจ้าต้องแยกกันอยู่กับแม่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาสั้นๆ ครั้งละไม่กี่วัน แต่เมื่อนานๆเข้า ข้าพเจ้าจึงคิดว่า ทำไมเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เหมือนกับคนอื่น จึงต้องแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ แต่ก็เข้าใจว่าท่านเองนั้นก็ไม่ได้อยากแยกจากลูก และที่ทำไปนั้นก็เพราะว่าจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงดูเรา ต้องทำงานหนัก เดินทางไกลๆไปมา ระหว่างบ้านกับที่ทำงาน แต่ท่านก็ไม่เคยปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องไปโรงเรียนหรือกลับจากโรงเรียนเอง ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ท่านก็ต้องปรากฎตัวมารับข้าพเจ้ากลับบ้านก่อนเสมอ
ข้าพเจ้าเคยทำให้แม่เสียใจด้วยการเถียงแม่ ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่แม่พูดนั้นเป็นความปรารถนาดีต่อเราทั้งสิ้น แต่ท่านก็พร้อมที่จะให้อภัยเราเสมอ สิ่งที่แม่ทำให้แก่ข้าพเจ้านั้น ท่านทำให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน และทำอย่างมีความสุขถึงแม้ว่างานที่ทำมันจะทั้งหนักและก็น่าเบื่อก็ตาม ข้าพเจ้ากับแม่สนิทกันมาก เวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจแม่จะจะสังเกตุเห็นได้ทุกครั้ง และเมื่อปรึกษาแม่ก็จะให้คำตอบที่ดีได้เสมอ และไม่เคยซ้ำเติมลูก
ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่แม่มีให้นั้น มันคงไม่สามารถที่จะเล่าออกมาในกระดาษเพียงแผ่นเดียว แต่สำหรับข้าพเจ้านั้น มันยิ่งใหญ่มาก เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมากว่า 20 ปี ที่แม่พยายามทำสิ่งต่างๆให้แก่ลูก แล้วขณะนี้ร่างกายของแม่ก็เริ่มถดถอยลงเรื่อยๆ ข้าพเจ้าอยากให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง อยากให้แม่มีความสุข และดูแลแม่ให้ได้เหมือนที่แม่เคยทำให้มา ต่อจากนี้ไปจะไม่ทำให้แม่เหนื่อยอีกแล้ว อยากบอกว่ารักแม่ทุกเวลา
อ่านแล้วครับ.....
ตอบลบถ้าเขียนถึงแม่ เข้าใจแม่ได้ขนาดนี้...ผมว่า..เลิกเถิดครับ..มาสายน่ะ..
บางเรื่องเราคิดว่าเป็นความผิดเล็กน้อย.....แต่สำหรับคนอื่น เรื่องใหญ่มาก การมาสายของคุณเนี่ย...ไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่อย่างพี่ยอดเยี่ยมเลย.....
ฉะนั้น...เลิกนะครับ....จะทำอะไร คิดหน้าคิดหลังให้ดี...อย่าพลาด..