6 ก.ค.2552 (วันที่ 3)
เช้าวันที่สอง ยังคงอยู่ที่ลำปาง ยังคงกินข้าวซอยที่ร้านโอมาเช่นเดิม คราวนี้แก้ตัวด้วยการใส่พริกน้อยๆ หลังจากนั้นก็ไปซื้อข้าวเหนียวหมูทอดที่ร้านป้าร้านเดียวกันกับเมื่อวาน เตรียมเป็นเสบียงสำหรับตอนกลางวัน แล้วก็ขึ้นรถ พอถึงที่อ.จิ๋วก็ได้เรียกไปนั่งฟัง ซึ่งอาจารย์ก็ได้พูดสรุปเรื่องเมื่อวาน เรื่องการใช้ความสามารถของช่าง พัฒนาจากของเดิมขึ้นมาใหม่ เนื่องจากว่าคุณค่าของสิ่งใหม่ๆนั้นยังไม่ได้รับการกลั่งกรองมากพอ โดยใช้ความรู้ที่ได้จากภูมิปัญญาเดิม วัดลำปางหลวงใช้ลักษณะความสัมพันธ์ของ พื้นที่ ความงามที่ไม่ซับซ้อนเข้าใจคุณค่าของที่ว่าง ต่างจากวัดพระแก้วซึ่งเน้นความสำคัญของ แมส โดยพื้นที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเท่าที่ควร วัดโปงยางคก ใช้ลักษณะของงานสมัยใหม่เข้ามาโดยการเทกรวดแทนลานทราย ซึ่งมีความสวยงามแต่ลำบากต่อการใช้งานหากใช้งานตามรูปแบบเดิม คือเมื่อเดินเท้าเปล่าจะเจ็บ หากเป็นลานทรายเอเดินจะไม่เจ็บ หญ้าไม่ขึ้นรักษาความสะอาดง่าย ให้ความสำคัญกับ space ที่มีความสัมพันธ์กัน บ้านที่หยุดสองข้างทางนั้นปรับปรุงเทคนิคเดิมที่เกิดปัญหาโดยใช้ไม้ บานเลื่อนบานพับ คือเป็นการนำเอาวัสดุหรือการก่อสร้างแบบใหม่เข้ามา เปรียบเสมือนภาษาฝรั่งแต่มีความเป็นพื้นเมืองเหมือนเดิม
เดินทางต่อไปยังวัดปลายนา ฟังพระเทศน์ในแบบล้านนา ซึ่งก็ไม่เคยได้ฟังมาก่อน แล้วต่อด้วยการเดินดูหมู่บ้าน ซึ่หมู่บ้านนี้ได้รับางวัลจากการประกวดหมู่บ้านน่าอยู่ เจอบ้านคุณตาคุณยายที่นั่งอยู่บแคร่ โดย Space ที่เชื่อมต่อกันกับ เพื่อนบ้าน ทำให้อาณาบริเวณที่ไม่ใหญ่มากนั้น ดูใหญ่ขึ้นมาได้ แล้วเมื่อเดินออกไปด้านนอก ก็มีทุ่งนาอีกทุ่งนึง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรจะต้องเดินลงไปลุยทุกครั้ง หลังจากขึ้นมาจากทุ่งนาก็มาถ่ายรูปกันกับเพื่อนๆ ซึ่งมีรูปที่อ.ไก่ ถ่ายกับแยมด้วย ฮ่าๆๆๆ หลังจากนั้นก็เดินไปล้างเท้าล้างตัวที่เลอะโคลนจากการเดินลุยท้องนา แล้วก็เดินหลุดออกจากกลุ่ม เดินหลงอยู่นานก็ไปเจอเพื่อนอยู่ที่บ้าน อบต.ซึ่ง มีเล้าหมูอยู่ด้วย บ้านแต่ละหลังใจดีมาก เอาน้ำมาให้ดื่มด้วย...สดชื่นนนนน บ้านแต่ละหลังดูอบอุ่นสวยงาม...
ออกจากหมู่บ้านขึ้นรถ ทางผ่านไปแวะซื้อลำไยบริเวณ เพิงที่มีวัว
ที่สุดท้ายของวันนี้ คือวัดข่วงกอม วัดนี้ถูกออกแบบและสร้างขึ้นโดยสถาปนิกซึ่งเลียนแบบจากของเดิม ทั้งเรื่องแนวคิดสัดส่วน ทุกอย่างหลังจากนั้น ก็เดินไปถ่ายภาพบริเวณบ้านที่อยู่ใกล้วัด แล้วก็เดินลุดลงไปทุ่งนาอีกที่ ซึ่งเดินลงไปลำบากมาก ดินเหลวเละ ลื่น ไม่มีที่จับ ไหนจะต้องพยุงกล้องอีก แต่ก็คุ้มค่ากับการเดินลงไป สะพานที่ใช้เดินข้ามน้ำน่ากลัวจะพังมาก หลังจากรับน้ำหนักคนอย่างเราไป ฮ่าๆ เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่เดิม ไปล้างเท้าในลำธาร ซึ่งทุกคนก็เอี้ยวตัวกันล้างสุดชีวิต ห้อยโหนกันกลัวตกน้ำ หารู้กันไหมว่า น้ำตื้นมาก กว่าจะรู้ว่าน้ำตื้น ก็สายเสียแล้ว เสร็จแล้วก็ไปนั่งในวิหาร ฟังอ.จิ๋วคุยกับพระ เสร็จแล้วก็กลับที่พัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น